ทำไมถึงต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์ ขาดการบำรุงรักษา ชำรุด อุบัติเหตุ แรงม้าน้อย
โอเวอร์ฮอล การยกเพื่อเปลี่ยนหรือซ่อมจำเป็นต้องมีตัวช่วย แบบเดิมสร้างเสาเหล็ก2ฝั่งใช้เหล็กพาดตรงกลางเหมือนชิงช้าใช้โซ่ลากขึ้นลงข้อเสียคือใช้พื้นที่มากใช้แรงงานมากไม่คล่องตัว แบบใหม่เป็นโครงเหล็กติดไฮดรอลิครับแรงยกสูงสามารถยกเครื่องยนต์ค้างในอากาศ ช่างสามารถตรวจเช็คระบบ-เปลี่ยนเครื่องยนต์ได้ง่าย ขนาดไม่ใหญ่แต่รับน้ำหนักเยอะจึงประยุกต์ใช้หลายอย่าง ยกเครื่องจักร-ยกฝาท่อ-แม่พิมพ์-เหล็ก-ต้นไม้-แท่นปูน
ชนิดเครนยกเครื่องยนต์ :
-รุ่นใช้ไฟฟ้า คือมีมอเตอร์ติดไว้ด้านหลังหรือด้านล่างของเครน
-รุ่นใช้ลม คือมีกระบอกไฮดลอลิคแบบใช้แรงอัดของลมในการดันกระบอกสูบ
-รุ่นใช้มือโยก คือใช้มือโยกที่กระบอกสูบในการยกเครื่องยนต์หรือสินค้า
การเลือกซื้อ : รุ่นใช้ไฟฟ้าและลมราคาค่อนข้างสูงถ้าไม่ใช่โรงงานอุตสาหกรรมถือว่าไม่จำเป็น รุ่นใช้มือโยกหลายรุ่นราคาไม่สูง แตกต่างคือเหล็กหนา-บาง กระบอกไฮดรอลิคเล็ก-ใหญ่ ชนิด1สูบ2สูบ กำลังยก2ตัน-8ตัน พับเก็บได้และไม่ได้ งานเบางานหนัก ชนิดเดียวกันบางตัวน้ำหนักต่างกันถึง30กิโลเพราะอะไร ? ตัวเครนไม่ใช่วัตถุสิ้นเปลือง ไม่ได้ใช้ปีสองปี เน้นยกเครื่องยนต์สินค้ารุ่นเหล็กหนาลากจูงแข็งแรงปลอดภัยไม่หัก คำนึงคนใช้งานส่วนมากจะไม่รักษาเหล็กบางๆจึงไม่ทนมือช่าง
วิธีใช้งานเครนยกเครื่องยนต์:
-รุ่นใช้ไฟฟ้าหรือใช้ลมแค่ใช้นิ้วกดคอนโทรลขึ้นลงเท่านั้น
-รุ่นใช้มือโยก:
1.ดึงสลักเสียบที่แขนเครนตามระยะรับน้ำหนักที่กำหนด
2.หมุนปิดวาล์ว(ที่เป็นกากบาท)ไปทางขวา
3.ใช้มือยกแขนเครนขึ้นตรงระดับสินค้าที่จะยก(ไม่จำเป็นต้องโยกจากด้านล่าง)
4.ใช้ด้ามเหล็กโยกกระบอกไฮดรอลิคยกเครื่องยนต์หรือสินค้า
5.ตอนปล่อยค่อยๆหมุนวาล์วไปทางซ้ายช้าๆเครื่องยนต์จะค่อยๆไหลไม่กระแทก
ข้อควรระวังและความปลอดภัย:
1.พื้นแข็งแรง ไม่ลาดเอียง
2.เครื่องยนต์หรือสินค้าน้ำหนักต้องไม่เกินจากที่กำหนด
3.ห้ามเก็บกลางแจ้งโดนฝน ป้องกันละอองน้ำจับแกนกระบอกสูบทำให้เกิดสนิม
*ส่วนมากจะมีล้อ6ล้อ ล้อเล็กใส่ไว้ตรงกลาง ล้อใหญ่อยู่ด้านหน้าและหลัง ตอนยกจะไม่กระดก
เครนยกเครื่องยนต์โครงสร้างเป็นเหล็ก สิ่งที่ต้องดูแลพิเศษคือกระบอกไฮดรอลิค ตัวเหล็กหนาๆแข็งแรงๆ ใช้งานได้หลายสิบปี มักใช้ร่วมกับคานหิ้วเครื่องยนต์ หรือแท่นประกอบเครื่องยนต์ สำหรับยึดเครื่องยนต์ที่ถอดออก ช่างสามารถตั้งองค์ศาและหมุนเช็คตรวจสอบส่วนต่างๆได้ง่ายรวดเร็ว